ALOHA สวัสดีเพื่อนๆทุกคนที่ติดตาม Ukulele in Thailand ค่ะ จากบล็อกที่ผ่านมาเราก็ได้ทราบถิ่นกำเนิดของเจ้ากีตาร์ตัวจิ๋วอูคูเลเล่ กันพอสังเขปแล้ว วันนี้เราจะมาดูวิธีการเลือกซื้ออูคูเลเล่ ค่ะ ว่ามีวิธีการเลือกซื้อยังไง ก่อนที่เพื่อนๆตัดสินใจจะซื้อ เรามาดูขนาดของเจ้าอูคูเลเล่ กันก่อนเลยค่ะว่าขนาดไหนที่เหมาะสมกับตัวเราที่สุด ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูทางนี้ค่ะ
1.ขนาดของอูคูเลเล่
อันดับแรกเพื่อนๆต้องทราบขนาดของเจ้าอูคูเลเล่ ก่อนค่ะว่าขนาดไหนที่เราชอบ และเหมาะสมกับตัวเราที่สุด ซึ่งขนาดของเจ้าอูคูเลเล่ นั้นมีทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกัน (ดูภาพประกอบด้านหน้าค่ะ) แต่ที่นิยมเล่นกันจริงๆจะมีเพียง 3 ขนาดเท่านั้น คือ Soprano Concert และ Tenor ส่วนขนาด Baritone เป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุดซึ่งไม่นิยมนำมาเล่นกัน ซึ่งแต่ละขนาดล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันค่ะ
- Soprano เป็นอูคูเลเล่ ที่มีขนาดเล็กที่สุด ทำให้การพกพา เคลื่อนที่ ติดตัวไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ ทำได้ง่ายมาก แต่เสียงก็จะเบาไปตามขนาดตัว สามารถประคองหรือโอบแนบตัวเพื่อเล่น ก็ยังทำได้ง่ายมาก
- Concert ถือเป็นอูคูเลเล่ที่มีขนาดมาตรฐาน และมีผู้นิยมเล่นมากที่สุด การพกพา เคลื่อนที่ ติดตัวไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ ก็ทำได้ไม่ยาก แถมยังได้เสียงที่ดังขึ้นมาอีก
- Tenor เป็นอูคูเลเล่ขนาดใหญ่ที่สุด (ในบรรดาขนาดทั้งหมดที่นิยมเล่นกัน) ใกล้เคียงกับ Guitarlele (มี 6 สาย) ยังสามารถพกพา เคลือนที่ ติดตัวได้ไม่ยากเช่นกัน เสียงจะกังวาน และดังที่สุด แต่การโอบขึ้นเพื่อเล่น จะทำได้ยาก ไม่คล่องตัวเหมือนขนาด Soprano และ Concert
- Baritone เป็นอูคูเลเล่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (ในบรรดาขนาดทั้งหมด) ให้เสียงใกล้เคียงกับกีต้าร์โปร่ง 6 สาย แต่ไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มคนเล่น เนื่องจากเสียงที่มันใกล้เคียงกับกีต้าร์โปร่ง 6 สายเกินไป
2.มาตรฐานของงานประกอบ
เราก็ได้ทราบขนาดของเจ้าอูคูเลเล่มาพอหอมปากหอมคอกันแล้ว แต่ว่าแค่ดูขนาดของอูคูเลเล่ อย่างเดียวประกอบการตัดสินใจซื้อยังไม่เพียงพอค่ะ เราจะต้องดูมาตรฐานของงานประกอบด้วยค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก บางยี่ห้อที่วางขายในตลาดบ้านเรามีมาตรฐานของงานประกอบต่ำ ปัญหาส่วนใหญ่คือ มีลูกบิดหลวม สังเกตจากหลังตั้งสายเล่นได้ไม่กี่นาทีเสียงก็เพี้ยนแล้ว ต้องตั้งสายกันใหม่ เรียกว่า จะเล่น 1 เพลงต้องตั้งสายประมาณ 3-5 รอบ อีกปัญหาคือ เฟรตไม่เรียบร้อย เวลาขยับมือซ้ายเหมือนเฟรตจะบาดมือ บางครั้ง เจอะ Bridge(สะพานสาย) ขยับเหมือนจะหลุดออกมาจาก TOP(ไม้ส่วนหน้า) ปัญหาจากการติดกาวที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้น สำหรับมือใหม่ ควรจะต้องรอบขอบสักนิด ตรวจสอบในจุดสำคัญที่กล่าวมาข้างต้น
3.ยี่ห้อและแหล่งผลิต
เพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยมีมุมมองไม่ดีกับ Made in China แต่เราอยากให้เพื่อนๆได้เปิดใจกว้างขึ้น เพราะสินค้าหลายประเภท รวมถึงเครื่องดนตรีในสมัยนี้ ล้วนมาจาก Made in China แทบทั้งนั้น ดังนั้น แทนที่เพื่อนๆจะเอาเวลาที่จะต้องมาสนใจเรื่องว่าผลิตจากที่ไหนมาเรียนรู้วิธีการเลือกซื้อ และเพิ่มทักษะในการเข้าใจอุปกรณ์ที่เราจะซื้อว่าควรเลือกแบบใดจะดีกว่า สำหรับยี่ห้อ แน่นอนว่า เครื่องดนตรียี่ห้อเก่าแก่ทุกๆอย่าง ยอมมีราคาค่าตัวสูง สำหรับคนงบน้อยจึงเป็นเรื่องไกลตัว ทางเราจึงขอเน้นว่า ยี่ห้อใหม่ๆ ที่งานฝีมือปราณีต และมีคุณภาพก็มีอยู่เยอะ ดังนั้นเพื่อนๆอย่าไปติดกับยี่ห้อเกินไป จนลืมไปว่า คุณต้องการอะไร, คุณต้องการยี่ห้อ หรือต้องการคุณภาพเสียง ลักษณะเสียง รูปลักษณ์ ฯลฯ เราบอกได้เลยว่า ไม่มีเครื่องดนตรียี่ห้อใด จะตอบสนองคุณได้ทุกๆอย่าง ดังนั้น จึงไม่แปลกที่หลายคนจะมี อูคูเลเล่ หลากหลายยี่ห้อตั้งไว้บ้าน เหตุก็เพราะว่าแต่ละยี่ห้อต่างมีเอกลักษณ์ทางด้านเสียง และรูปลักษณ์ ที่โดดเด่นต่างกันออกไป ถ้าเพื่อนๆทุกคนลองแล้วชอบ เล่นแล้วมีความสุข และเข้ากับมันได้ดี แล้วจะแคร์ทำไมว่ากำลังถือ อูคูเลเล่ ยี่ห้ออะไร!
4.งบประมาณ
สำหรับเพื่อนๆมือใหม่ที่กำลังหัดเล่น ในช่วงราคา 2,000 - 3,000 บาท ถือเป็นการเริ่มต้นได้แล้ว แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณในกระเป๋าของเพื่อนๆทุกคนด้วย บางคนมีงบมาก ก็พร้อมที่จะเริ่มต้นกับ อูคูเลเล่ หลักหลายพัน หรือหลักหลายหมื่นก็ไม่ใช่เรื่องผิด ดังนั้น การจะดูว่า อูคูเลเล่ ราคาเท่าไร จึงจะดี หรือเหมาะทีสุด ทางเราขอตอบว่า ให้ดูงบประมาณของเพื่อนๆเองแล้วกันค่ะ เพราะการเล่นดนตรีหากไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ และเพิ่มพูนความสุขให้เรา ถือว่าเป็นความสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ
คราวนี้เพื่อนๆคงตัดสินใจได้แล้วนะคะว่าจะซื้อ อูคูเลเล่ แบบไหนดี เอาเป็นว่าเพื่อนๆลองใช้วิธีการทั้ง 4 ข้อนี้ประกอบการตัดสินใจซื้อแล้วกันค่ะ บล็อกนี้เราก็ขอนำเสนอเพียงเท่านี้ ขอให้เพื่อนๆมีความสุขกับการเลือกซื้ออูคูเลเล่ค่ะ
ของฉันไม่ใช่ไม้
ตอบลบ